วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

Grooming

การแปรงขน

การแปรงขนนั้น ถือเป็นการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เส้นขนและผิวหนังมีสุขภาพดี ขนเป็นเงางามและยังเป็นการขจัดรังแคและเศษขนที่ตายแล้วให้หลุดร่วงออกมาอีกด้วย เพราะขนเหล่านี้มักจะจับตัวเป็นก้อน ทำให้ดูไม่สวยงาม และยังเป็นการช่วยลดภาวะการที่ก้อนขนเข้าไปรวมตัวในกระเพาะอาหารของแมว ที่จะทำให้แมวไม่สบาย จากการเลียขนของตัวเองเข้าไปจำนวนมากอีกด้วย และสำหรับแมวที่มีขนยาว เช่น Persian ก็จำเป็นจะต้องดูแลขนอย่างดีเป็นพิเศษ โดยการแปรงขนให้ทุกๆวันโดยการใช้แปรงทีมีขนหยาบกว่าของแมวขนสั้น ที่สมควรใช้แปรงที่มีขนละเอียด หรือผ้าที่อ่อนนุ่มเช็ดตัวให้

การเลือกซื้อแปรงให้แมวนั้น จำเป็นที่จะต้องเข้ากับลักษณะขนของแมว การแปรงขนจะต้องแปรงไปในทิศทางเดียวกับเส้นขน ไม่ใช่แปรงย้อนทาง ซึ่งจะทำให้ขนหลุดและพันกัน ควรแปรงเบาๆและช้าๆ หากต้องการเสริมความเงางาม อาจใช้ผ้าต่วนหรือผ้าไหมเช็ดเบาๆหลังจากการแปรงขนแล้ว



การตัดเล็บ

สำหรับแมวที่เล่นอยู่ข้างนอกตามธรรมชาตินั้น เราไม่จำเป็นจะต้องตัดเล็บให้มันก็ได้ เพราะเล็บจะถูกเสียดสีตามธรรมชาติจนสั้นไปเอง แต่บางครั้งเราอาจจะจำเป็นต้องตัดเล็บให้แมวของเราบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะแมวที่เลี้ยงไว้ในบ้านและไม่ได้รับการลับเล็บเป็นประจำ อาจจะทำให้เล็บยื่นยาวออกมา จนอาจจะทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อได้ดังนั้น เราจึงควรจะหัดตัดเล็บให้แก่ลูกแมวตั้งแต่อายุ 12 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดการคุ้นเคย โดยสามารถใช้กรรไกรตัดเล็บของคนได้ โดยการตัดจะต้องระวังไม่ให้เข้ามาถึงส่วนเนื้อสีชมพู เพราะจะมีเลือดและเส้นประสาทอยู่ ซึ่งจะทำให้เลือดออกและเจ็บปวดมาก แมวจะเข็ดและไม่ให้ความร่วมมืออีก หากแมวบางตัวเล็บสีเข้มมองเห็นลำบาก ให้ใช้ไฟฉายส่องจะช่วยให้เห็นส่วนเนื้อชัดเจนขึ้น โดยควรกะประมาณไม่ให้ลึกกว่าช่วงโค้งงองุ้มของเล็บ การตัดเล็บควรทำหลังจากอาบน้ำ เพราะเล็บจะนิ่ม และตัดง่ายเป็นพิเศษ

แต่ทางที่ดีแล้ว ไม่ควรจะไปตัดเล็บแมวหรอกค่ะ เพราะเจ้าเหมียวจะไม่ค่อยชอบใจนัก และยังไม่ค่อยถูกกับอุปนิสัยของแมวด้วย และหากมันออกนอกบ้าน มันอาจจะโดนสัตว์อื่นทำร้ายได้ และเจ้าของก็ต้องระวังการโดนแมวทำร้ายขณะตัดเล็บด้วย ฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปตัดเล็บแมวดีกว่าค่ะ



การอาบน้ำแมว

บางคนอาจจะเข้าใจว่าแมวไม่ต้องการการอาบน้ำ เพราะแมวนั้นกลัวน้ำเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่จริงแล้ว เราสามารถอาบน้ำให้แมวได้ เพื่อทำความสะอาดน้ำมันจากผิวหนังที่ถูกขับออกมาภายนอก และเมื่อผสมกับฝุ่น จะทำให้เกิดความสกปรกติดที่ผิวหนัง อีกทั้งการอาบน้ำยังช่วยขับไล่ปรสิตและแมลงที่มารบกวนได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการทำให้ขนแมวสวยงามและไม่พันกัน โดยเฉพาะแมวพันธุ์ขนยาว ดังนั้นเราควรอาบน้ำให้เจ้าเหมียวของเรา 1 -2 ครั้ง / เดือน

การฝึกหัดให้แมวอาบน้ำ หากฝึกตั้งแต่เด็กจะง่ายกว่ามาก โดยอาจเริ่มได้ตั้งแต่ลูกแมวอายุได้ 14 อาทิตย์ หรือหากจำเป็นจะหัดก่อนหน้านั้นก็ได้ แต่ควรระวังเรื่องความหนาวเย็น ก่อนลงน้ำควรใช้สำลีอุดหูแมวกันน้ำเข้า หรืออาจใช้ยาป้ายตาชนิดน้ำมันป้ายตาไว้เพื่อป้องกันเศษสบู่หรือแชมพูเข้าตา

อุปกรณ์การอาบน้ำแมวนั้นไม่ได้มีอะไรยุ่งยากนัก ท่านสามารถหาเอาได้จากในครัวเรือน คืออ่างอาบน้ำท่านสามารถใช้อ่างล้างจานก็ได้ ฟองน้ำก้อนใหญ่ๆ ผ้ายางปูพื้นอ่างกันลื่น ฝักบัวในอ่างน้ำ และผ้าขนหนูไว้เช็ดตัว

ขั้นตอนการอาบน้ำ เริ่มจากค่อยๆจุ่มแมวลงไปในน้ำ ด้วยการใช้มือหนึ่งหิ้วหนังหลังคอ อีกมือรวบขาหลังหรือจับสะโพกไว้ แมวจะถูกจับให้หมอบแช่น้ำในอ่าง บางตัวอาจใช้ขาคู่หน้าเกาะขอบอ่างไว้ก็ได้ ในขณะที่จุ่มแมวลงไปในอ่าง ท่านควรจะพูดปลอบประโลมใจเจ้าเหมียวของท่านเพื่อลดความตื่นกลัวด้วย ส่วนน้ำในอ่างควรผสมให้อุ่นพอดี จากนั้นให้ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำแล้วลูบไล้ตามตัวให้ขนเปียกให้ทั่ว ไม่ควรใช้การเปิดน้ำก็อก หรือเอาสายยางฉีดใส่โดยตรง เพราะจะทำให้แมวตื่นกลัว

ขั้นตอนต่อไป คือการฟอกด้วยแชมพูสำหรับแมว หรือแชมพูสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นแชมพูที่ไม่ระคายเคืองตา จากนั้นก็ให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำเช็ดใบหน้าและส่วนหัว ตลอดจนใบหูให้สะอาด ไล่น้ำออกจากตัวแมวเบาๆ ก่อนจะเช็ดให้แห้งด้วยผ้าขนหนูอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งควรใช้ผ้าขนหนูคุณภาพดี ซับน้ำได้มาก หากมีเครื่องเป่าผม ก็สามารถใช้ได้ เพื่อให้ขนแห้งเร็วขึ้น แต่ต้องระวังว่าเสียงของเครื่องเป่าผมจะทำให้แมวตกใจ

หากแมวของท่านเป็นแมวที่มีอายุมากแล้ว และไม่เคยหัดอาบน้ำมาก่อน อาจจะไม่ชินและจะดิ้นรน ดังนั้นท่านอาจจะต้องใช้วิธีการบางอย่างเข้าช่วย เช่น จับแมวใส่ถุงผ้าโผล่แต่หัวออกมา ใส่แชมพูลงไปในถุง แล้วจุ่มทั้งถุงลงในอ่าง ส่วนหัวให้เช็ดทำความสะอาดภายหลัง หรืออาจหาที่เกาะยึดให้แมวขณะอาบน้ำ โดยอาจใช้ตะแกรงมุ้งลวด หรือแผ่นไม้ที่มีร่องให้เกาะยึดได้ พร้อมใช้อีกมือหนึ่งขยุ้มหนังคอไว้ เพียงเท่านี้ ท่านก็จะปลอดภัยจากรอยเล็บของเจ้าเหมียวแล้วล่ะค่ะ



การทำความสะอาดหูเจ้าของแมว

ส่วนใหญ่มักจะละเลยการทำความสะอาดหูให้เจ้าเหมียว จนกว่าเจ้าเหมียวของท่านจะมีอาการคันหูหรือมีกลิ่นเหม็น ถึงจะได้เดือดเนื้อร้อนใจกันสักทีหนึ่ง แต่ท่านเจ้าของแมวไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นกับแมวที่รักของท่าน ด้วยการทำความสะอาดหูแมว

ธรรมดาแล้ว ธรรมชาติจะสร้างขี้หูซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งออกมาเพื่อใช้เป็นตัวจับและผลักดันสิ่งสกปรกแปลกปลอมให้ออกไปกับขี้หู และยังเป็นตัวปกป้องหูส่วนในอีกด้วย ดังนั้น เราจึงควรช่วยเอาขี้หูที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกไปอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยการใช้ก้านสำลีพันปลายไม้จุ่มน้ำยาเช็ดหู หรือลิควิดพาราฟินเช็ดเข้าไปในช่องหู ระยะลึกเท่าที่ตามองเห็นเท่านั้น เพราะหากลึกกว่านั้น อาจจะไปกระทบแก้วหูจนเป็นอันตรายได้

นอกจากนี้ เราอาจจะอาศัยการนอนของแมวมาช่วยได้ คือแมวมักจะนอนโดยเอาหางมาม้วนไว้แถบบริเวณหู ดังนั้น หากเราจุ่มยาฆ่าไรไว้ที่ปลายหางแมว จะสามารถกำจัดไรที่หูได้ เพราะยาจะระเหยจากปลายหางเข้าสู่หูขณะแมวนอน

หากปฏิบัติตามนี้ได้รับรองว่าเจ้าเหมียวของท่านจะไม่มีปัญหาเรื่องขี้หูอีกแล้วล่ะค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น