วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

Cat Food

โภชนาการเจ้าแมวเหมียว

แมวสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานมากแม้จะอดอาหาร บางครั้งอาจนานเป็นสัปดาห์ โดยแมวยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ แม้น้ำหนักจะลดลงถึงร้อยละ 40 ของน้ำหนักปกติ แต่ถ้าสูญเสียน้ำในร่างกายไปร้อยละ 10 - 14 แมวจะเสียชีวิต แมวจะมีสุขภาพดีหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับอาหารที่ได้รับเป็นสำคัญ แมวก็เหมือนกับคนและสุนัขที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่า มีสัดส่วนครบถ้วน ในสัดส่วนที่แตกต่างออกไป การนำหลักโภชนาการของสุนัขมาใช้กับแมวย่อมไม่เกิดผลดีแน่นอนเพราะแมวต้องการโปรตีนมากกว่า และไม่อาจแปลงเบตาแคโรทีนจากพืชให้เป็นวิตามินดีได้เหมือนสุนัข อีกทั้งแมวยังต้องการทอรีน (Taurine) มากกว่าสุนัขอีกด้วย ดังนั้นหากให้อาหารสุนัขแก่แมว อาจทำให้แมวมีภาวะขาดสารอาหารได้การให้อาหารแมวที่ถูกต้องจะต้องให้อาหารที่มีคุณค่าตามสัดส่วน ดังนั้นการเลี้ยงแมวด้วยเศษอาหารที่เหลือจากคนหรือให้เนื้อหรือปลาล้วนๆอย่างเดียว ย่อมไม่เป็นผลดีต่อแมวแน่ เพราะอาจทำให้แมวเจริญเติบโตได้ได้ไม่ดี อาจเป็นโรคกระดูกอ่อน ขนร่วง ไม่กระฉับกระเฉง และเจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้นเรื่องโภชนาการจึงมีความสำคัญกับแมวมาก

สารอาหารหลักของแมว ประกอบด้วย

โปรตีน มีความสำคัญในด้านการเจริญเติบโต สร้างแอนติบอดี สำหรับป้องกันเชื้อโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ลูกแมวที่กำลังเจริญเติบโตต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ส่วนแมวโตต้องการไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ถ้าแมวได้รับโปรตีนน้อยกว่าร้อยละ 18 จะทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร

คาร์โบไฮเดรต มีความสำคัญในด้านการเจริญเติบโต การผลิตน้ำนม การทำงาน แมวที่มีกิจกรรมมากย่อมต้องการคาร์โบไฮเดรตมากกว่าแมวที่มีกิจกรรมน้อย

ไขมัน แมวต้องการไขมันสำหรับกำลังงานประมาณร้อยละ 8 ไขมันให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 เท่า และไขมันยังมีกรดไขมันที่มีความสำคัญต่อโภชนาการและการเจริญเติบโตของแมว ถ้าแมวขาดกรดไขมัน จะทำให้ผิวหนังแห้งและเติบโตช้า แต่หากมีมากไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

วิตามิน มีอยู่หลายชนิด ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ อาหารแต่ละอย่างจะให้วิตามินต่างกัน เช่นวิตามินเอที่ช่วยในการต้านทานโรค มีมากในเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา วิตามินบีที่ช่วยบำรุงผิวหนังและการเจริญเติบโตของร่างกายและป้องกันอาการทางประสาท มีมากในไข่แดง นม ตับ เป็นต้น แต่การให้วิตามินมากเกินไป เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และอาจให้โทษแก่ร่างกายด้วย


โดยทั่วไป แมวมักจะชอบกินอาหารดิบ แต่อาหารทุกอย่างควรจะทำให้สุกเสียก่อน เพื่อป้องกันโรคพยาธิ ปลาควรแกะก้างออกก่อน เพราะก้างอาจจะไปติดตามเหงือกได้ ไม่ควรให้กระดูกแก่แมว การคลุกอาหารต่างๆควรคลุกให้เข้ากันดี เพื่อไม่ให้แมวเลือกกิน อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง คืออาหารที่มันและเค็มจัดจนอาจจะทำให้แมวท้องเสียได้การให้อาหารแมวปกติแล้ว การให้อาหารแมว 2 มื้อจะดีกว่าการให้เพียงมื้อเดียว อาหารแบบชาวบ้านก็คือข้าวร่วนๆคลุกกับเนื้อปลา หรืออาจจะเสริมด้วยการเติมเนื้อ นม ไข่ ลงไปด้วย การให้ปลาเพียงอย่างเดียวอาจจะทำให้แมวเกิดโรคนิ่วได้ จึงควรให้สลับกับเนื้ออย่างอื่น เพื่อป้องกันแมวเบื่ออาหารด้วย ไม่ควรให้แมวกินอิ่มมากเกินไป เพราะจะทำให้กระเพาะทำงานหนัก จานใส่อาหารควรจะสะอาด และควรเตรียมน้ำสะอาดไว้ให้แมวดื่มด้วยเสมอจำนวนอาหารที่ให้แมวนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของแมวแต่ละตัว น้ำหนัก อายุ สายพันธุ์ และกิจกรรมที่แมวทำ ลูกแมวและแมวตั้งท้องต้องการอาหารมากกว่าแมวทั่วไป แมวที่มีกิจกรรมมาก ย่อมต้องการอาหารมากกว่าแมวที่มีกิจกรรมน้อย และไม่ควรให้อาหารแมวปริมาณมากเกินไป ควรให้ในปริมาณที่แมวสามารถกินได้หมดภายในครึ่งชั่วโมง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น